by www.zalim-code.com

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

พูดอย่างไรให้น่าฟัง

การพูดถือว่าเป็นการสื่อสารอีกทางหนึ่งที่ในสังคมใช้กันมากที่สุด  แต่จะพูดอย่างไรให้น่าฟัง เราลองมาฝึกกันง่ายๆ




  1. สร้างความมั่นใจให้ตัวเองก่อน
บางคนที่ไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง คิดว่ามีปมด้อย ทำให้ไม่กล้าพูด วิธีสร้างความมั่นใจตัวเองดีที่สุดก็คือ ให้คิดว่าตัวเองเป็นคน เก่งมาก ดีมาก เช่นเดียวกันคนที่กำลังสนทนาอยู่ แม้จะเป็นความจริงว่าทุกคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ก็ไม่ต้องไปเปรียบเทียบ เราจะชอบตัวเองและชอบคนอื่นๆด้วย ถ้ามองข้ามข้อบกพร่องของตัวเองหรือของคนอื่นไปได้ ก็ควรทำ ใครๆก็มีข้อบกพร่องได้ แต่จะมาแก้ในเวลาอันสั้นคงเป็นไปได้ยากการมีข้อบกพร่องจึงเป็นเรื่องปกติของทุกคน

  1. สร้างภาษากายให้เป็นบวก
บุคลิกภาพที่เปิดเผยยิ้มแย้ม สบตาเวลาสนทนา พยักหน้าหรือแสดงอาการรับรู้คำพูดของคู่สนทนา พร้อมที่จะพูดแสดงอาการรับทราบ เข้าใจ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แสดงความสนใจในสิ่งที่คู่สนทนาพูดและแสดงความเป็นมิตร ไม่มองหัวจรดเท้า ไม่เอามือล้วงกระเป๋า ไม่กอดอก ไม่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย รำคาญ ถ้าเรามีสิ่งที่ไม่ชอบระหว่างคุย ก็ใช้วิธียิ้มน้อยๆ (ไม่ใช่ยิ้มมุมปากแบบดูถูก) อย่าขัดคอ ให้คิดว่าเป็นเรื่องของทัศนคติที่มาตรงกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่าไปคิดเอาชนะคะคาน อย่าไปยึดถือเป็นเรื่องจริงจัง

  1. ให้รอจังหวะในการแสดงความคิดเห็น
รอให้อีกฝ่ายพูดจบก่อนที่จะพูดขึ้นมา หากจะแสดงความเห็นที่แตกต่าง อาจเริ่มต้นด้วยประโยค ที่คุณพูดมาน่าสนใจดี แต่ผม/ดิฉันอยากเสนอว่า….” ใช้สีหน้ายิ้มน้อยๆแบบสุภาพๆ ไม่ต้องทำสีหน้าจริงจังมาก อาจจะถูกมองเป็นศัตรูคู่แข่งได้

  1. การเริ่มคุยกับคนใหม่ๆหรือคนแปลกหน้า
ให้ชวนคุยเรื่องเบาๆที่ทุกคนสามารถร่วมสนทนาด้วยได้ เริ่มจากที่รอบๆตัวที่มองเห็น เช่น ดิน ฟ้าอากาศ  บรรยากาศการจัดงาน สถานที่ อาหาร ที่ท่องเที่ยว สุขภาพ กีฬา เปิดฉากการสนทนาเพื่อประเมินว่าคู่สนทนาสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษ ก็คุยในเรื่องนั้น แต่หากพบว่าเขาไม่อยากคุยด้วย ก็ไม่ควรฝืนมารยาท ควรถอยออกมาอย่างสุภาพ และอย่าไปถือสาเขา
  1. ให้ความสำคัญคู่สนทนา
แสดงความชื่นชมคู่สนทนาอย่างจริงใจ เห็นสิ่งใดที่ดูดีในตัวเขา ก็พูดให้เขาฟังได้ การพูดก็ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ควรทำเหมือนเสแสร้ง ป้อยอจนเกินเหตุ ควรแสดงความเอื้อเฟื้อช่วยหยิบ ช่วยปัด ช่วยกระซิบบอกในบางเรื่องที่คิดว่าเขาอาจจะได้รับความอับอาย เช่นมีสวนผักที่ฟัน ลืมรูดซิป เป็นต้น แล้วช่วยกลบเกลื่อนให้ตามความเหมาะสม

  1. อย่านำปมด้อยของคู่สนทนามาล้อเล่น
แม้จะเป็นสิ่งที่ใครๆก็มองเห็นหรือรับรู้ได้ เช่น ตัวดำ อ้วน เตี้ย แฟนขี้เหร่ และห้ามนำเรื่องปมด้อยของตัวเองมาเล่าด้วยเช่นกัน เพราะคนฟังจะรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ และมองเราว่าทำตัวไม่เหมาะสม

  1. อย่าถามเรื่องส่วนตัวลึกซึ้ง
ไม่ควรถามซอกแซกในเรื่องส่วนตัว ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ถูกถามไม่สบายใจ หรือรู้สึกว่าถูกคุกคาม ถูกล่วงล้ำในความเป็นส่วนตัว เช่น แม้จะทราบมาว่าเขาเลิกกับคู่สมรสมาหมาดๆก็ควรระงับความอยากรู้อยากเห็นนั้นเสีย

  1. กระจายความสนใจและการพูดไปให้คนอื่นบ้าง
ให้คุยกับทุกๆคนที่อยู่ในวงสนทนาเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ควรจับคู่คุยกับใครคนใดคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา แล้วไม่ปล่อยให้คนอื่นได้สนทนาเรื่องอื่นกับเขา กับเรา หรือกับคนอื่นในที่นั้นเพราะเป็นการทำให้คนอื่นอึดอัด หากมีคนที่เรารู้จักอยู่ในกลุ่ม ก็ควรแนะนำให้คนอื่นรู้จักด้วยเพื่อจะได้ร่วมวงสนทนากันอย่างไม่อึดอัด

  1. ให้โอกาสคู่สนทนาพูดคุยถึงตัวเขาเองบ้าง
อย่าเอาแต่คุยถึงเรื่องของตัวเอง หรือชื่นชมตัวเอง ของของตัวเอง ให้โอกาสคู่สนทนาได้พูดคุยเรื่องของเขาบ้าง แต่ในทางกลับกันถ้าต้องไปอยู่กับคนที่พูดแต่เรื่องตัวเอง ให้ลองหาหัวข้อสนทนาใหม่ๆ หรือปลีกตัวออกมาได้

  1. อย่าชมตัวเอง
บางคนชื่นชมความสามารถของตัวเอง แล้วผูกขาดการสนทนาอยู่คนเดียว ทำให้การสนทนาไม่มีความสุนกและน่าเบื่อ (เว้นแต่คนพูดจะเป็นหม่ำ จ๊กมก)

  1. มีอารมณ์ขัน
อย่านำตลกร้าย มุกลามก มาเล่าในวงสนทนา อย่านินทาผู้อื่น อย่าแสดงความก้าวร้าว วิพากษ์วิจารณ์บุคคลหรือเหตุการณ์ต่างๆ หากมีใครทำก็อย่าไปผสมโรงด้วยการยิ้มรับ ควรวางหน้าเฉยๆ แล้วหาเรื่องอื่นคุยต่อไป

  1. เป็นผู้ฟังที่ดี
รับฟังอย่างมีมารยาท หากได้ฟังสิ่งที่สร้างความไม่พอใจ ก็ควรเก็บอาการ สร้างบรรยากาศที่ดีในการสนทนา อย่าสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น

  1. สร้างความรู้สึกดีๆ
เมื่อจะจากกัน ให้กล่าวขอบคุณที่คู่สนทนาได้ให้ความรู้ ความบันเทิง ให้โอกาส (แล้วแต่กรณี) และร่ำลาอย่างสุภาพ

         ที่มา  http://www.oknation.net/blog/NECLINK/2009/05/07/entry-1
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น