- สร้างความมั่นใจให้ตัวเองก่อน
บางคนที่ไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง คิดว่ามีปมด้อย ทำให้ไม่กล้าพูด วิธีสร้างความมั่นใจตัวเองดีที่สุดก็คือ ให้คิดว่าตัวเองเป็นคน “เก่งมาก” “ดีมาก” เช่นเดียวกันคนที่กำลังสนทนาอยู่ แม้จะเป็นความจริงว่าทุกคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ก็ไม่ต้องไปเปรียบเทียบ เราจะชอบตัวเองและชอบคนอื่นๆด้วย ถ้ามองข้ามข้อบกพร่องของตัวเองหรือของคนอื่นไปได้ ก็ควรทำ ใครๆก็มีข้อบกพร่องได้ แต่จะมาแก้ในเวลาอันสั้นคงเป็นไปได้ยากการมีข้อบกพร่องจึงเป็นเรื่องปกติของทุกคน
- สร้างภาษากายให้เป็นบวก
บุคลิกภาพที่เปิดเผยยิ้มแย้ม สบตาเวลาสนทนา พยักหน้าหรือแสดงอาการรับรู้คำพูดของคู่สนทนา พร้อมที่จะพูดแสดงอาการรับทราบ เข้าใจ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แสดงความสนใจในสิ่งที่คู่สนทนาพูดและแสดงความเป็นมิตร ไม่มองหัวจรดเท้า ไม่เอามือล้วงกระเป๋า ไม่กอดอก ไม่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย รำคาญ ถ้าเรามีสิ่งที่ไม่ชอบระหว่างคุย ก็ใช้วิธียิ้มน้อยๆ (ไม่ใช่ยิ้มมุมปากแบบดูถูก) อย่าขัดคอ ให้คิดว่าเป็นเรื่องของทัศนคติที่มาตรงกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่าไปคิดเอาชนะคะคาน อย่าไปยึดถือเป็นเรื่องจริงจัง
- ให้รอจังหวะในการแสดงความคิดเห็น
รอให้อีกฝ่ายพูดจบก่อนที่จะพูดขึ้นมา หากจะแสดงความเห็นที่แตกต่าง อาจเริ่มต้นด้วยประโยค “ที่คุณพูดมาน่าสนใจดี แต่ผม/ดิฉันอยากเสนอว่า….” ใช้สีหน้ายิ้มน้อยๆแบบสุภาพๆ ไม่ต้องทำสีหน้าจริงจังมาก อาจจะถูกมองเป็นศัตรูคู่แข่งได้
- การเริ่มคุยกับคนใหม่ๆหรือคนแปลกหน้า
ให้ชวนคุยเรื่องเบาๆที่ทุกคนสามารถร่วมสนทนาด้วยได้ เริ่มจากที่รอบๆตัวที่มองเห็น เช่น ดิน ฟ้าอากาศ บรรยากาศการจัดงาน สถานที่ อาหาร ที่ท่องเที่ยว สุขภาพ กีฬา เปิดฉากการสนทนาเพื่อประเมินว่าคู่สนทนาสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษ ก็คุยในเรื่องนั้น แต่หากพบว่าเขาไม่อยากคุยด้วย ก็ไม่ควรฝืนมารยาท ควรถอยออกมาอย่างสุภาพ และอย่าไปถือสาเขา
- ให้ความสำคัญคู่สนทนา
แสดงความชื่นชมคู่สนทนาอย่างจริงใจ เห็นสิ่งใดที่ดูดีในตัวเขา ก็พูดให้เขาฟังได้ การพูดก็ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ควรทำเหมือนเสแสร้ง ป้อยอจนเกินเหตุ ควรแสดงความเอื้อเฟื้อช่วยหยิบ ช่วยปัด ช่วยกระซิบบอกในบางเรื่องที่คิดว่าเขาอาจจะได้รับความอับอาย เช่นมีสวนผักที่ฟัน ลืมรูดซิป เป็นต้น แล้วช่วยกลบเกลื่อนให้ตามความเหมาะสม
- อย่านำปมด้อยของคู่สนทนามาล้อเล่น
แม้จะเป็นสิ่งที่ใครๆก็มองเห็นหรือรับรู้ได้ เช่น ตัวดำ อ้วน เตี้ย แฟนขี้เหร่ และห้ามนำเรื่องปมด้อยของตัวเองมาเล่าด้วยเช่นกัน เพราะคนฟังจะรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ และมองเราว่าทำตัวไม่เหมาะสม
- อย่าถามเรื่องส่วนตัวลึกซึ้ง
ไม่ควรถามซอกแซกในเรื่องส่วนตัว ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ถูกถามไม่สบายใจ หรือรู้สึกว่าถูกคุกคาม ถูกล่วงล้ำในความเป็นส่วนตัว เช่น แม้จะทราบมาว่าเขาเลิกกับคู่สมรสมาหมาดๆก็ควรระงับความอยากรู้อยากเห็นนั้นเสีย
- กระจายความสนใจและการพูดไปให้คนอื่นบ้าง
ให้คุยกับทุกๆคนที่อยู่ในวงสนทนาเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ควรจับคู่คุยกับใครคนใดคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา แล้วไม่ปล่อยให้คนอื่นได้สนทนาเรื่องอื่นกับเขา กับเรา หรือกับคนอื่นในที่นั้นเพราะเป็นการทำให้คนอื่นอึดอัด หากมีคนที่เรารู้จักอยู่ในกลุ่ม ก็ควรแนะนำให้คนอื่นรู้จักด้วยเพื่อจะได้ร่วมวงสนทนากันอย่างไม่อึดอัด
- ให้โอกาสคู่สนทนาพูดคุยถึงตัวเขาเองบ้าง
อย่าเอาแต่คุยถึงเรื่องของตัวเอง หรือชื่นชมตัวเอง ของของตัวเอง ให้โอกาสคู่สนทนาได้พูดคุยเรื่องของเขาบ้าง แต่ในทางกลับกันถ้าต้องไปอยู่กับคนที่พูดแต่เรื่องตัวเอง ให้ลองหาหัวข้อสนทนาใหม่ๆ หรือปลีกตัวออกมาได้
- อย่าชมตัวเอง
บางคนชื่นชมความสามารถของตัวเอง แล้วผูกขาดการสนทนาอยู่คนเดียว ทำให้การสนทนาไม่มีความสุนกและน่าเบื่อ (เว้นแต่คนพูดจะเป็นหม่ำ จ๊กมก)
- มีอารมณ์ขัน
อย่านำตลกร้าย มุกลามก มาเล่าในวงสนทนา อย่านินทาผู้อื่น อย่าแสดงความก้าวร้าว วิพากษ์วิจารณ์บุคคลหรือเหตุการณ์ต่างๆ หากมีใครทำก็อย่าไปผสมโรงด้วยการยิ้มรับ ควรวางหน้าเฉยๆ แล้วหาเรื่องอื่นคุยต่อไป
- เป็นผู้ฟังที่ดี
รับฟังอย่างมีมารยาท หากได้ฟังสิ่งที่สร้างความไม่พอใจ ก็ควรเก็บอาการ สร้างบรรยากาศที่ดีในการสนทนา อย่าสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น
- สร้างความรู้สึกดีๆ
เมื่อจะจากกัน ให้กล่าวขอบคุณที่คู่สนทนาได้ให้ความรู้ ความบันเทิง ให้โอกาส (แล้วแต่กรณี) และร่ำลาอย่างสุภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น