by www.zalim-code.com

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

เมื่อสือไม่ได้อยู่บนหน้ากระดาษ


ยุคสื่อออนไลน์มาแล้ว      
 8  6 Google +0 Instapaper0  3
จิราจารีย์ ชัยมุสิก Positioning Magazine มิถุนายน 2550 Print 
Added on: 16/7/2550

ยุคสื่อออนไลน์มาแล้ว
นับเป็นการตอบรับกระแส “สื่ออินเทอร์เน็ต”มาแล้ว หลังจากคนในแวดวงโฆษณา เอเยนซี่ ต่างออกมาคาดการณ์ว่าปีนี้ถึง“ยุคนิวมีเดีย” เต็มตัวเสียที จวบถึงวันนี้ปรากฏการณ์ “สื่อออนไลน์” ได้ถูกแพร่ขยายมากขึ้น เวทีเสวนาหัวข้อ “การสื่อสารออนไลน์ อุปสรรคหรือโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจ” จัดโดย ดีซี คอนซัลแทนส์ ที่ระดมกูรูจากแวดวงอินเทอร์เน็ต โดยมี ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน นักสื่อสารมวลชน โกวิท สนั่นดัง จาก หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และธุรกิจออนไลน์ ต่อบุญ พ่วงมหา จาก เว็บไซต์สนุกดอทคอม และยงยุทธ ลุจินตานนท์ แห่ง สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกฯ 

ข้อสรุปของบรรดากูรูสาขาต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงภาพเทรนด์สื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ที่มาแล้วทั้งในระดับโลกและในประเทศ, พฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Net Generation, กระแสการมาของวิดีโอออนไลน์, การทำโฆษณาออนไลน์ให้โดนใจต้องทำอย่างไร รวมถึงกรณีตัวอย่างของสื่อออนไลน์ช่วยสร้างความสำเร็จทางการตลาดธุรกิจสายการบิน อย่างคาเธ่ย์แปซิฟิกได้อย่างไร ทั้งหมดมีคำตอบ... 

ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ ให้ข้อสรุปว่า สื่ออินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือจัดเป็นนิวมีเดียที่ทรงพลัง และมีอิทธิพลต่อผู้คนและสังคมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวหันมาใช้สื่อออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อแบรนด์และขยายโอกาสทางธุรกิจ ทั้งนี้สื่อออนไลน์มีจุดเด่นในเรื่องการแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถใช้ได้กับสินค้าและบริการเกือบทุกประเภท ที่สำคัญยังมี “ต้นทุนต่ำ” เหมาะกับสถานการณ์ ข้อจำกัดของตลาดในเวลานี้ 

เทรนด์ นสพ. มุ่งสู่ออนไลน์ 

หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เป็นอีกหนึ่งในสื่อสิ่งพิมพ์ที่กระโดดเข้าสู่สื่ออินเทอร์เน็ต โดยประเมินจากผลวิจัยของสหรัฐอเมริกาพบว่า แนวโน้มของนักวางแผนโฆษณาตามสื่อต่างๆ หันมาให้ความสนใจสื่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น บางกอกโพสต์จึงตั้งแผนกPost Digital ขึ้น เพื่อให้บริการเนื้อหาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น SMS 

ล่าสุด ยังได้ทำหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ทั้งฉบับให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-edition โดยร่วมมือกับค่าย Newspaper Direct จากแคนาดา จุดเด่น คือ รูปแบบคอลัมน์เหมือนกับหนังสือพิมพ์ทุกประการ สามารถแปลเป็นภาษาต่างประเทศอื่นๆ ได้อีก 10 ภาษา อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน สเปน รวมถึงเลือกฟังเสียงอ่านในข่าวต่างๆ ได้ 

“เป็นเทรนด์ของสื่อหนังสือพิมพ์ที่มุ่งสู่ e-edition ไม่ว่าจะเป็นไทมส์, วอร์ชิงตันโพสต์, นิวยอร์ค ไทมส์ และอีกหลายหัวทั้งอเมริกาและอังกฤษ” โกวิท สนั่นดัง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่ออิเล็กทรอนิกส์ บอก 

เขายกกรณีตัวอย่างของ “รูเพิร์ต เมอร์ด็อก” ซึ่งเคยเป็นเจ้าของสื่อระดับชาติ เลิกยึดติดกับสื่อพรินต์ ประกาศทิศทางต่อไปมุ่งเน้นสื่อออนไลน์ 
โดยได้ลงมือทำอย่างจริงจัง มีการไปซื้อเว็บไซต์ myspace ขณะนั้นมีสมาชิกอยู่ประมาณ 30 ล้าน และหลังจากซื้อมาดำเนินการต่อภายในปี 
เดียวสมาชิกก็เพิ่มเป็น 100 ล้าน ใช้เงินลงทุน 600 ล้านเหรียญ และผิดความคาดหมาย เพราะภายในปีเดียวเขาสามารถเซ็นสัญญากับ google 

ล่าสุดเร็วๆ นี้ยังได้ทุ่มทุนซื้อดาวโจนส์นิวไลน์ ซึ่งเป็นอิเล็กทรอนิกส์อีกรูปแบบหนึ่งและเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ใหญ่ Asian Wall Street Journal เหตุผลที่รูเพิร์ตซื้อกิจการนี้ เพราะกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของหนังสือพิมพ์เล่มนี้ มาจากรายได้ของผู้อ่านหนังสือพิมพ์จากอินเทอร์เน็ต และมีแรงบันดาลใจมาจากเห็นลูกสาวตนเองเลิกอ่านหนังสือพิมพ์ แต่ได้หันไปอ่านข่าวจากอินเทอร์เน็ตแทน 

หรืออีกกรณีหนึ่ง ไมโครซอฟท์กำลังซื้อ yahoo โดยทอมสัน พาวเดชั่น ซึ่งเคยเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์มาก่อน และขายกิจการหนังสือพิมพ์ไปหลายหัวและเหลืออยู่เพียงไม่กี่ฉบับ ล่าสุดสนใจซื้อกิจการรอยเตอร์ ซึ่งเป็นอิเล็กทรอนิกส์มีเดียประเภท Financial Service ทั้งหมดนี้เป็นกรณีเกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการหันมาสนใจสื่อออนไลน์ ประเภทอิเล็กทรอนิกส์มีเดีย 

“มันเป็นเทรนด์ของวงการหนังสือพิมพ์ที่จะมุ่งไปสู่ออนไลน์และโมบาย โดยเหตุผลที่ทำให้สื่อนี้เติบโต เพราะอนาคตคนรุ่นใหม่จะอ่านหนังสือพิมพ์น้อยลงจาก 81 เปอร์เซ็นต์เหลือ 37เปอร์เซ็นต์ หรือวัยผู้ใหญ่มีแนวโน้มอ่านหนังสือพิมพ์ลดลงเช่นกัน” 

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ยังทำให้คนอ่านสะดวก อ่านจากที่ไหนในโลกก็ได้ภายในเวลาเดียวกัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีทางที่จัดส่งหนังสือพิมพ์ไปได้ในประเทศไกลๆ ได้พร้อมกัน อีกทั้งสามารถอ่านได้ตั้งแต่ตี 3 ขณะที่หนังสือพิมพ์ต้องรอ 6โมงเช้า 
และไม่มี Deadline มีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพัฒนาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ 

สู่ยุค Net Generation 

ขณะที่ ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทอินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ ระบุว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคน และจะถึง 10 ล้านคนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าเว็บไซต์ต่างๆ ราว 2 ล้านคนต่อวัน หรือราว 54 ล้านเพจวิวต่อเดือน 

“เทรนด์สื่อออนไลน์มาแล้ว เพราะตอนนี้จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและมือถือมาอยู่ที่ระดับ Critical Mass หรือมีนัยสำคัญมากพอที่จะทำการตลาด จากรีเสิร์ชพบว่า การแพร่กระจายของสื่อหลักต่างๆ ในการเข้าถึงคนจำนวน 50 ล้านคน โดยใช้เวลาแค่ 5 ปี ในขณะที่สื่อวิทยุใช้เวลา 38ปี สื่อทีวี ใช้เวลา 10 ปี สื่อเคเบิลทีวีใช้เวลา 13 ปี 

จากสถิติของกระทรวงไอซีที พบว่า ประมาณ 93 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนมีโทรทัศน์ และ 63 เปอร์เซ็นต์มีสื่อวิทยุ และที่น่าสนใจ คือ วิทยุชุมชน 
มีจำนวน 2.3 พันสถานี ในปี 2549 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 7 ล้านคน ซึ่งจำนวนนี้มีนัยสำคัญเพียงพอ โดยกลุ่มคนใช้อายุเฉลี่ย 15 ปีขึ้นไป 
กระทั่งถึง First Jobber คนทำงาน และยังได้ขยายลงไปยังคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ ต่ำกว่า 15ปี ขณะเดียวกัน วัยกว่า 40 ปีก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น 
สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้มีการขยายฐานออกไป เป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ในการทำธุรกิจในอินเทอร์เน็ต และหากรวมจำนวน 
ทั้งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและมือถือ น่าจะเป็น 37 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับมากพอที่จะทำอะไรก็ได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น